Quantcast
Channel: Thumbsup
Viewing all articles
Browse latest Browse all 2201

แนะนำหนังสือใหม่ A World Gone Social: How Companies Must Adapt To Survive

$
0
0

banner_overlay

ภาพประกอบจาก A World Gone Social

ในวันที่โซเชียลมีเดียกลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงคนในวงกว้างได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ และกลายเป็นส่วนสำคัญที่มีผลต่อการบริโภคข้อมูลและตัดสินใจเลือกสินค้าและบริการ เราคงจะไม่สามารถมองข้ามมันได้อีกต่อไป และแน่นอนว่ายุคโซเชียล หรือ Social Age ได้มาถึงแล้วอย่างเป็นทางการ แล้วธุรกิจของคุณล่ะครับ พร้อมที่จะรับมือกับยุคใหม่นี้แค่ไหน? ลองมาเริ่มเตรียมตัวกันด้วยคู่มือง่ายๆ คุณภาพดีเล่มนี้กันดีกว่าครับ

A World Gone Social: How Companies Must Adapt To Survive นับเป็นหนังสือที่สามารถจับประเด็นการเปลี่ยนแปลงต่างๆ บนโลกเราหลังจากที่เข้าสู่ยุค Social Age ได้อย่างเห็นภาพ ผู้เขียน Ted Coiné ที่นิตยสาร Forbes จัดให้เป็น 1 ใน 10 ผู้ที่ทรงอิทธิพลที่สุดบนโลก social media และ Mark Babbitt ผู้ก่อตั้งและ CEO ของเว็บ YouTern ที่เว็บดังอย่าง Mashable จัดให้เป็น 1 ใน 5 ของสังคมออนไลน์สำหรับผู้เริ่มทำงานที่ดีที่สุด ได้กลั่นกรองประเด็นต่างๆ ออกมาได้อย่างตรงไปตรงมาพร้อมตัวอย่างที่เข้าใจง่าย ซึ่งหลักๆ แล้วหนังสือแบ่งเนื้อหาออกเป็น 4 ส่วนหลักๆ ดังนี้

  • Section 1 จะเริ่มจากการเกริ่นที่มาที่ไปของคำว่า Social Age และเปรียบเทียบว่ายุคโซเชียลที่ว่านี้มันแตกต่างจากยุคอุตสาหกรรม (Industrial Age) อย่างไรบ้าง ตัวอย่างง่ายๆ เลยก็คือเรื่องของผู้บริโภคที่ผู้เขียนได้อธิบายว่า ผู้บริโภคไม่ได้ฟังข้อมูลจากแผนกการตลาดหรือโฆษณาของแบรนด์สินค้าเป็นหลักอีกต่อไป แต่พวกเขาเลือกที่จะพูดคุยกับผู้บริโภคด้วยกันเองเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นและประสบการณ์ด้วย ซึ่งเปรียบได้กับว่าผู้บริโภคกลายเป็นผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า โดยใน Section 1 นี้มีตัวอย่างที่น่าสนใจหลายตัวอย่าง รวมถึง Bank of America หรือธนาคารแห่งสหรัฐอเมริกาที่ต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องการปรับตัว นอกจากนั้นใน section นี้ยังพูดรวมไปถึงพนักงานของบริษัทในยุค Social Age นี้ด้วย ซึ่งพนักงานในยุคใหม่นี้จะมีพฤติกรรมและมุมมองที่ถูกเห็นและถูกได้ยินชัดเจนขึ้นจากทั้งภายในและภายนอกองค์กร ตัวอย่างของ Target ซึ่งเป็นห้างยักษ์ใหญ่ก็ถูกหยิบยกมาแสดงให้เห็นถึง”เสียง”ที่ดังขึ้นของพนักงานเหล่านี้ สำหรับครึ่งหลังของ section แรกนี้จะอธิบายเพิ่มเติมไปถึงการรับสมัครพนักงาน การมีส่วนร่วม (engagement) รวมไปถึงเรื่องของชุมชน (community) ที่ต่างก็มีตัวอย่างยกขึ้นมาให้เห็นแทรกอยู่เป็นระยะๆ
  • Section 2 จะขยับเข้ามาสู่เนื้อหาที่เข้มข้นขึ้น เริ่มจากการพูดถึงความท้าทายที่มีต่อองค์กรขนาดใหญ่ที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง อาจจะถึงกับล้มหายตายจากไปจากตลาดกันเลยทีเดียว ใน section นี้ยังมีการพูดถึงเรื่องของ Nano ที่เป็นลักษณะการทำงานของหน่วยงานเล็กๆ ที่รวมตัวทำงานให้เสร็จแล้วแยกย้ายกันไปทำงานอื่นต่อไป พร้อมกับตัวอย่างของ Hollywood ที่มีลักษณะการทำงานแบบ Nano ที่น่าสนใจ และผู้เขียนก็ได้ตั้งคำถามว่าแล้วองค์กรใหญ่ๆ จะปรับตัวให้เป็นแบบ Nano ได้หรือไม่ ส่วนที่น่าสนใจอีกเรื่องก็คือการบริหารจัดการองค์กรแบบราบ (flat) ซึ่งบทที่ 8 จะเจาะมุมมองต่างๆ อย่างครอบคลุม ถือว่าเปิดโลกทัศน์ได้ดีทีเดียว ก่อนที่จะจบ section ด้วยเรื่องของ OPEN หรือ Ordinary People, Extraordinary Network ซึ่งเป็นหัวข้อที่พูดถึงการที่คนธรรมดาสามารถที่จะรวมตัวกันให้กลายเป็นเครือข่ายที่ทรงพลังได้อย่างเหนือความคาดหมาย

20150119_202458_HDR

นับเป็นหนังสืออีกเล่มที่มีคำชมจากคนที่มีชื่อเสียงและผู้บริหารชั้นนำเยอะมากๆ

  • Section 3 ข้ามมาสู่ฝั่งของคนที่เป็นผู้นำในยุค Social Age บ้าง ซึ่งใน section นี้มีหลากหลายคำถามเพื่อกระตุ้นให้ผู้นำองค์กรได้คิดตาม ไม่ว่าจะเป็น “CEO ของคุณมีความเป็นโซเชียลสักแค่ไหน?” รวมไปถึงชี้ให้เห็นว่าพลังของผู้นำที่มีความเป็นโซเชียลนั้นน่าจับตามองขนาดไหน โดยผู้เขียนได้มีข้อแนะนำที่สามารถเริ่มได้ง่ายๆ ตัวอย่างเช่น ให้เริ่มสร้างความน่าเชื่อถือจากการเริ่มเขียนบล็อก หรือร่วมสนทนาบน Twitter ในหัวข้อที่ตัวเองถนัดเพื่อสร้างชื่อเสียงในสายตาของคนโซเชียล เป็นต้น และแน่นอนว่าในฐานะผู้นำ สิ่งที่สำคัญอย่างมากก็คือการสร้างทีมคุณภาพเยี่ยมในยุค Social Age ซึ่งบทบาทหนึ่งที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ Community Manager นั่นเอง และจุดมุ่งหมายสำคัญของการให้บริการในยุคนี้ก็คือ ประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าต้องมาก่อนเสมอ และกลไกสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ การเข้าถึงความเป็นส่วนตัวของลูกค้าให้มีชั้นเชิงขึ้นไปอีกระดับ
  • Section 4 จะปิดด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับการลงทุนในโลกของโซเชียล ซึ่งแน่นอนว่าหลายๆ คนย่อมมีคำถามว่า แล้วผลตอบแทนหรือ ROI จากการลงทุนนี้จะเป็นอย่างไร และผู้เขียนยังพูดรวมไปถึงหัวข้อที่กำลังอยู่ในกระแสความสนใจนั่นก็คือเรื่องของ Cloud และ Big Data ด้วย ก่อนที่จะคาดการณ์ไปถึงเรื่องของอนาคตของธุรกิจเมื่อโลกของเราเข้าสู่ยุคโซเชียลอย่างเต็มตัวที่มีโอกาสอีกมากมายรออยู่ แต่แน่นอนว่าความโกลาหลก็จะมีให้เห็นอยู่ไม่น้อยเช่นเดียวกัน แล้วเราควรจะเตรียมตัวรับมือกับอนาคตเหล่านี้อย่างไร

จุดเด่นของหนังสือเล่มนี้อยู่ที่การขมวดเรื่องราวต่างๆ ให้เป็นกลุ่มก้อนอย่างชัดเจน แล้วแทรกด้วยตัวอย่างที่น่าสนใจที่เราอาจจะไม่ได้เห็นหรือได้ยินมาก่อน ลักษณะการเล่าเรื่องจะเสมือนการถามตอบและพูดคุยที่ไม่ได้ฟังดูเป็นหนังสือวิชาการ แต่กลับมีเนื้อหาที่ถูกวางเป็นขั้นเป็นตอนอย่างเข้าใจง่าย และถ้าตั้งใจอ่านดีๆ จะพบว่าเราสามารถที่จะย่อยเนื้อหาออกมาเป็นคู่มือง่ายๆ ที่สามารถเอาไปประยุกต์ใช้กับการทำงานในองค์กรได้ทันที ตัวอย่างเช่น เราจะทำให้องค์กรมีความราบ (flat) ลงได้อย่างไร? เป็นต้น

A World Gone Social: How Companies Must Adapt To Survive เหมาะกับผู้อ่านที่อยู่ในวัยทำงาน และอาจจะอยู่ในสายงานที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนเรื่องกลยุทธ์ การตลาด หรือแม้กระทั่งแผนกทรัพยากรบุคคลและการโฆษณา ที่สำคัญคือเหมาะกับผู้อ่านระดับบริหารที่กำลังเผชิญกับการถาโถมของยุคโซเชียลและกำลังมองหาทางรับมือกับการเปลี่ยนแปลงขององค์กร ซึ่งเนื้อหาที่เริ่มตั้งแต่ง่ายไปจนถึงการคาดการณ์อนาคตนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับการปรับตัวให้ทันท่วงที

คุณผู้อ่านที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและหาซื้อ A World Gone Social: How Companies Must Adapt to Survive ได้แล้วที่ Asia Books ทุกสาขา หรือเข้าไปสั่งซื้อออนไลน์ได้ง่ายๆ ที่เว็บไซต์ www.asiabooks.com ครับ

unnamed

ขอขอบคุณ Asia Books สำหรับหนังสือดีๆ ที่ให้ทางกองบรรณาธิการ thumbsup ได้รีวิวครับ


Viewing all articles
Browse latest Browse all 2201

Trending Articles